วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

บูลส์กับเเจ๊สต่างกันตรงไหน

เริ่มจาก บลูก่อน นะครับ
คำว่า " บลูส์ " มีหลายความหมาย ดังนี้ 
         1. ความเศร้า ความเหงา หรือเพลงที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ฟังแล้วมีความรู้สึกเศร้า 
         2. เป็นลำเนาแห่งบทกวี 
         3. เป็นเพลงที่มีจังหวะช้า ฟังแล้วหดหู่ เพลงแบบหยาบ ๆ 
         4. มีรูปแบบเฉพาะของทางคอร์ดมักดำเนินไปรวม 12 ห้อง ซึ่งเดาทางคอร์ดล่วงหน้าได้ ที่ห้องที่ห้า
            ห้องที่เจ็ด ห้องที่เก้า และห้องที่สิบเอ็ด  

    บลูส์เป็นดนตรีที่เริ่มรู้จักกันในราว 1890 ลักษณะสำคัญคือการใช้เสียงร้องหรือเสียงของ เครื่องดนตรี
ที่เพี้ยนจากเสียงในบันไดเสียงซึ่งเรียกว่า เบนท์ หรือ บลูโน้ต และการสไลด์เสียง ปกติเพลงบลูส์เป็น
เพลงในอัตราจังหวะ 4/4 ใน 1 วรรคจะมี 12 ห้องเพลง การร้องแต่ละวรรคจะมีการ อิมโพรไวเซชั่นไปจาก
ทำนองเดิม เช่นเดียวกับการบรรเลงโดยเครื่องดนตรี แบสซี สมิธ (Bessie Smith) เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง
เป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงบลูส์ โดยเฉพาะเพลง Lost Your Head Blues และ Put it Right There

รูปลักษณ์ของบลูส์
         บทร้องเพลงบลูส์มีลักษณะเหมือนกับบทกวีของอเมริกันโบราณ โดยแบ่งออกเป็น 3 บรรทัด แต่ละ
บรรทัดประกอบด้วย 5 พยางค์ 2 ชุด บรรทัดที่สองคำมักซ้ำกับบรรทัดแรก บรรทัด ที่ สาม เป็นข้อความที่
เปรียบเสมือนตอบรับบรรทัดที่หนึ่งและสองซึ่งอาจสมมติรูปแบบเป็น A AB 

I'm going'to the river, take my rocker chair, 
I'm going'to the river, take my rocker chair, 
If the Blues overtake me, gonna rock away.


ทีนี้มาถึง แจ๊สบ้าง นะครับ

         แจ๊สเป็นดนตรีที่พัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยชนผิวดำ 
ต้นกำเนิดของดนตรีแจ๊สมาจากดนตรีพื้นเมืองของชาวอัฟริกันตะวันตก ดนตรีของ อเมริกันเองและ
ดนตรีจากยุโรป จากแรกไทม์ และบลูส์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ต่อช่วงต้นของ ศตวรรษที่ 20 แจ๊ส
เริ่มมีวิวัฒนาการขึ้น โดยมีกำเนิดที่เมืองนิวออร์ลีน แจ๊สยุคนี้เรียกว่าดิกซีแลนด์ ลักษณะของแจ๊ส คือ 
การบรรเลงแบบอิมโพรไวเซชั่น จากทำนองหลักที่มีอยู่และใช้จังหวะขัด การ ประสานเสียง แปลก ๆ 
ทำให้ดนตรีแจ๊สมีเอกลักษณ์เด่นชัด แจ๊สมีการพัฒนาเรื่อยมาจากยุคแรกทำ ให้เกิดแจ๊สในรูปแบบต่าง ๆ

จังหวะ ทำนอง และเสียงประสาน (Rhythm, Melody, and Harmony)
         ลักษณะเด่นของจังหวะในดนตรีแจ๊ส คือ จังหวะขัด (Syncopation) และจังหวะสวิง สวิงเกิดจาก
การบรรเลงจังหวะตบผนวกกับความรู้สึกเบาหรือลอยความมีพลังแต่ผ่อนคลายในที และการรักษาจังหวะ
สม่ำเสมอ

คลูแจ๊ส (Cool Jazz)
         ในช่วงปลายของทศวรรษ 1940 และต้นทศวรรษ 1950 แจ๊สอีกประเภทหนึ่งพัฒนาตาม บีบอบ
ขึ้นมา แต่แจ๊สประเภทนี้มีความนุ่มนวล ช้า ๆ กว่าบีบอบ คือ คูลแจ๊ส (Cool jazz) ท่วงทำนองจังหวะตลอด
จนการบรรเลงของคูลแจ๊สฟังดูสบายเรียบ ๆ และเป็นเพลงที่มีความยาวกว่าบีบอบ เป็นเพลงที่มีการเรียบ
เรียงเสียงประสานไว้ก่อนการบรรเลง และมักใช้เครื่องดนตรีที่แตกต่างไปจากแจ๊สยุคก่อน ๆ เช่น ใช้ฮอร์น 
ฟลูท และเชลโล นักดนตรีที่มีชื่อเสียงได้แก่ ซอนนี โรลลินส์ (Sonny Rollins), จอห์น โคลเทรน (John
Coltrane), ไมลส์ เดวิส (Miles Davis), บีบี คิงส์ (B.B.King), เลสเตอร์ ยัง (lesterYoung), สแตน เกตซ์ 
(Stan Getz)

ฟรีแจ๊ส (Free Jazz)
         ในราวทศวรรษ 1960 รูปแบบใหม่เกิดขึ้น คือ ฟรีแจ๊ส โดยออร์เนตต์ โคลแมน (Ornett Coleman) 
นักเป่าอัลโตแซกโซโฟนผู้ไม่เคยเรียนทฤษฎีดนตรีมาก่อน ซึ่งมีความคิดที่ไม่ต้องการยึดรูปแบบแจ๊ส
ดั้งเดิมคือการมีทำนองหลักและบรรเลงโดยการอิมโพรไวเซชั่นจากทำนองหลัก จึงรวบรวมวงซึ่งมี 8 คน
บรรเลงเพลงโดยอิสระทั้งในด้านทำนอง รูปแบบ และการประสานเสียง ซึ่งมีโครงสร้างของเพลงเพียง
คร่าว ๆ เท่านั้น โคลแมน ยังคงใช้การอิมโพรไวเซชั่นของทำนอง และจังหวะ และมักเน้นจังหวะตบหรือ
การรักษาความเร็วจังหวะน้อยกว่าแจ๊สยุคก่อน ๆ ส่วนเครื่องดำเนินจังหวะ และแนวเบสได้รับการเน้นให้มี
อิสระในการบรรเลงมากขึ้น นอกจากโคลแมนแล้วยังมี John Cottrane ที่ยึดรูปแบบฟรีแจ๊ส

แจ๊สร็อคหรือฟิวชั่น (Jazz Rock & Fusion)
         ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เพลงร็อคมีอิทธิพลมากขึ้น ทำให้เกิดแจ๊สรูปแบบใหม่ขึ้น คือแจ๊สร็อค 
หรือฟิวชั่น ลักษณะของฟิวชั่น คือ การผนวกการอิมโพรไวเซชั่นในการบรรเลงดนตรี โดยการใช้รูปแบบ
จังหวะ และสีสันของเพลงร็อค รวมถึงการใช้เทคนิคการบันทึกเสียงด้วยสีสันของเสียงดนตรีต่าง ๆ 
ที่แปลกออกไปที่เราเรียกว่า " เอ็ฟเฟ็ค " (effect) เครื่องดนตรีในวงฟิวชั่น จึงมักประกอบด้วยเครื่องดนตรี
ดั้งเดิม และเครื่องดนตรีไฟฟ้า หรืออิเลคโทรนิค ซึ่งใช้ระบบ มิดี้ (MIDI = Musical Instrument Digital 
Interface) โดยเฉพาะคีย์บอร์ดที่ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ กลุ่มเครื่องประกอบจังหวะมักจะใหญ่กว่าแจ๊ส
ยุคก่อน ๆ และบางครั้งมักมีเครื่องดนตรีต่างชาติร่วมบรรเลงด้วย เช่น เครื่องดนตรีจากอัฟริกา ละตินอเมริกา
อินเดีย  หรือ ในประเทศไทยเองก็ยังมีการนำเครื่องดนตรีไทยเข้าบรรเลงร่วมด้วย เช่น วงบอยไทย มีการ
นำระนาดเอกผสมในวง , อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ก็ได้มีการนำขลุ่ยไทยบรรเลงดนตรีลักษณะนี้เช่นกัน
ลักษณะเฉพาะอีกสองประการของฟิวชั่น คือ แนวทำนองของอีเลคโทรนิคเบส และการซ้ำทวนของจังหวะ 
นักดนตรีที่ควรรู้จักเช่น เฮอร์บี แฮนนคอก (HerBie Hancock), ชิค โคเรีย (Chick Corea) เคนนี จี (Kenny 
G.), เดฟ โคซ (Dave Koz) , เดวิด แซนบอร์น (David Sanborn) โกรเวอร์ วอชิงตัน จูเนียร์ (Grover 
Washington,Jr) บอบ เจมส์ (Bob James) ครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น